17 ธันวาคม 2558

จักรยานมีกี่ประเภท

How to Type bike : ประเภทจักรยาน

###ประเภทจักรยาน###
ปัจจุบัน(พฤศจิกายน 2556) ถ้าหาดูตามเว็บไซต์อื่นๆ อาจไม่ได้อัพเดทครับ
1.เสือภูเขา(MTB...mountain bike)
   แบ่งเป็น 3 ชนิดตามลักษณะรถคือประเภทหางแข็ง,softtailและ full suspension
   ประเภทหางแข็ง
  -hardtail  แปลตรงตัวเลยคือ "หางแข็ง" เสือภูเขาล้อหน้ามีโช้ค ล้อหลังไม่มี เหมาะสำหรับปั่นทางเรียบ ขรุขระ
ถนนดิน โคลน ทางไม่วิบากจนเกินไป หรือ ขึ้นเขาแบบถนนเรียบ เช่น เขาใหญ่ ดอยสุเทพ


 
   ประเภท softtail
  -softtail รถประเภทนี้ จะมีช๊อคหน้าหรือไม่นั้นแล้วแต่ตัวผู้ปั่นครับ ซึ่งส่วนใหญ่นั้นก็จะใส่กันทั้งหมด
จุดสำคัญนั้นอยู่ด้านหลังรถครับ จะมีจุดรับแรงกระแทกไว้ แล้วแต่การออกแบบของยี่ห้อนั้น ๆ
มีทั้งทีเป็นแบบตัวเฟรมรับแรงกระแทกแบบไม่มีช๊อค จนถึงมีช๊อคหลังสำหรับรับแรงกระแทกแบบฝังติดตั้งมาครับ
"ข้อแตกต่างของ Soft Tail กับ Full Sus นั่นอยู่ที่ระยะการเคลื่อนตัวของเฟรม และจุดหมุนครับ"



   ประเภท full suspension
  -cross country(xc) สำหรับลุยกับทุกสภาพ เสือภูเขาที่มีโช้คหน้าและหลัง สำหรับปั่นทุกเส้น ได้ทั้งทางเรียบ
ขรุขระมาก ทางที่อาจมีการกระแทก หรือ มีการกระโดดไม่สูงมากนัก



  -downhill  เสือภูเขาตัวจริง ทางเรียบยัน ลงเขา รากไม้ ตามป่าลึก กระโดดจากที่สูง รองรับการกระแทกได้ดี แตก
ต่างกับ xc ที่อุปกรณ์เกือบทุกชิ้นจะมีขนาดใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่ามาก ซึ่งแน่นอนหนักมาก



2.เสือหมอบ(RB...road bike)
   สำหรับคนชอบความเร็ว ความแรง ปั่นทางเรียบโดยเฉพาะ ลักษณะจักรยาน จะทำให้เล็ก ลื่นและเบาที่สุด
เท่าที่สมองคนจะคิดได้ เพราะฉะนั้นจักรยานประเภทนี้จะมีราคาสูงมาก



3.รถพับ(folding bike)
   จักรยานทุกประเภทที่พับได้ ผมจะนับรวมในนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะพับแปลกแหวกแนวขนาดไหนก็ตาม จักรยานประเภทนี้
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีเนื้อที่จำกัด เช่น ปั่นจักรยานไปทำงานเอาจักรยานพับไว้ใต้โต๊ะ  เอาจักรยานพับขึ้นรถไฟฟ้า
เอาจักรยานขึ้นรถยนต์หลายคันโดยไม่อยากแขวนไว้นอกตัวรถ เป็นต้น ความสำคัญของจักรยานพับนอกจาก เบา ปั่นดี
จุดพับ สำคัญมาก  รุ่นไหนพับไปนานๆ แล้วยังพับง่าย แข็งแรงไม่คลอน ราคาจะแพงเพราะการออกแบบจุดพับด้วย



4.ไฮบริด(hybrid)
   จักรยานไฮบริดเป็นจักรยานระหว่างเสือภูเขาและเสือหมอบคือ ปั่นทางเรียบดีกว่าเสือภูเขาแต่ไม่เท่าเสือหมอบ
ปั่นทางขรุขระดีกว่าเสือหมอบแต่ไม่เท่าภูเขา แต่จักรยานประเภทนี้จะออกแบบเป็น3แนวทางคือ
   -ไฮบริดทางเรียบ   ไฮบริดค่อนมาทางเสือหมอบ การออกแบบ ยางจะเป็นแบบทางเรียบ  ไม่มีโช้คเป็นตะเกียบ
ใช้ชุดขับเคลื่อนของเสือหมอบ



   -ไฮบริดทางขรุขระ   ไฮบริดค่อนมาทางเสือภูเขา การออกแบบ ยางจะเป็นแบบวิบากแต่ไม่ใหญ่ไม่เยอะเท่าเสือภูเขา
มีโช้คสำหรับลุยนิดหน่อย ใช้ชุดขับเคลื่อนของเสือภูเขา



   -ไฮบริดซิตี้ จักรยานไฮบริดสำหรับคนเมืองโดยเฉพาะ แฮนด์จะแคบกว่าปกติ(เอาไว้ซิกแซกรถติดในเมือง)
ไม่มีโช๊ค ยางทางเรียบขนาดเล็ก แต่ใช้ชุดขับเคลื่อนของเสือภูเขา




5.ทัวร์ริ่ง(touring)
   จักรยานประเภทท่องเที่ยวระยะไกล การออกแบบ จะให้มีจุดยึดสำหรับใส่ตะแกรง ใส่กระเป๋ามากกว่าประเภทอื่น
ยางไม่ใหญ่ไม่เล็กผิวเรียบ ออกแบบเฟรมระยะเอื้อมให้ปั่นสบาย บางรุ่นอาจมีจุดเปลี่ยนเกียร์2ที่ ระบบเกียร์จะใช้ของ
เสือภูเขา เพราะไม่ได้ต้องการความเร็วความต่อเนื่องในการเข้าเกียร์ แฮนด์จะเหมือนกับเสือหมอบ
เบรกจะใช้เป็นผีเสื้อหรือวีเบรค



6.มินิ(mini bike) และจักรยานเด็ก(kids bike)
   จักรยานย่อส่วนให้เล็กลง มีประโยชน์คือ  จักรยานเบา  ส่วนใหญ่จึงเปลี่ยนจานหน้าให้ใหญ่ขึ้น เปลี่ยนดุมเพื่อ
ความลื่นมากขึ้นเพราะจักรยานล้อเล็กจะมีรอบหมุนล้อถี่เป็นพิเศษ บางคนปั่นเกาะกลุ่มเสือหมอบก็มีเยอะ



7.ฟิกซ์เกียร์(fixed gear)
   จักรยานมหาชนของกลุ่มวัยรุ่น มาแรงช่วงปี 2555-2556 จะพบมากในช่วงกลางคืนในกรุงเทพฯ ลักษณะจักรยานคือ
โม่หรือเฟืองโซ่จะไม่สามารถฟรีได้ ล้อหมุน จานปั่นก็หมุนตาม และเบรคด้วยเท้า หรือจะมีแต่เบรคหน้าเท่านั้น
   จักรยาน Fixed Gear มีทั้งหมด 5 ชนิดด้วยกัน แล้วแต่ว่าผู้ปั่นนั้นจะหลงไหลในการปั่นแบบไหน

   ประเภทที่ 1 : คอมพลีท(complete)
   Fixed Gear ชนิดนี้เป็นสายปั่น มาแบบครบวงจร ตรงตามชื่อ เมื่อแกะกล่องมาจะมีครบทุกอย่าง ไม่ต้องเสียเวลาเพิ่ม
เติมแต่งอะไรอีกมากมาย เหมาะสำหรับคนที่รักความเรียบง่าย และคนที่เริ่มต่นปั่นจักรยาน Fixed Gear



   ประเภทที่ 2 : ทริก(trick)
   เป็น Fixed Gear ที่มีความแข็งแรงเพราะจะต้องทนกับแรงกระแทกเพราะจะใช้ในการเล่นท่า วงล้อมีขนาดเล็กเพื่อ
จะได้ใช้วาดลวดลายได้ง่ายขึ้น



   ประเภทที่ 3 : วินเทจ(vintage)
   Fixed Gear ชนิดนี้จะเป็นการรวมเอา อุปกรณ์และชิ้นส่วนที่มีความคลาสสิกมาประกอบรวมเป็นจักรยานคันนึง
เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการเก็บสะสม และหลงไหลในความคลาสสิก



   ประเภทที่ 4 : แทร็ก(track)
   ชนิดนี้เป็นชนิดที่ใช้ในการแข่งขันจริง มีสมรรถนะที่ดีในการปั่น วงล้อใหญ่ ความคล่องตัวสูง



   ประเภทที่ 5 : มินิฟิกซ์(mini)
   Fixed Gear คันเล็กที่เเหมาะสำหรับคนที่ชอบมิกซ์แอนด์แมทช์ ด้วยตัวเฟรมที่มีขนาดกระทัดลัด พกพาง่าย
และมีสีสันน่ารัก



**ที่มาข้อมูลฟิกเกียร์ voicetv

8.ครุยเซอร์(cruiser)
   จักรยานออกแบบเพื่อให้ปั่นสบายบางรุ่นอาจทำคล้ายมอเตอร์ไซค์ช็อปเปอร์ คือ เน้นตะเกียบหน้า หรือ โช้คหน้ายาวๆ
แฮนด์จะถูกยกสูงและกว้าง เน้นปั่นชิลๆเป็นหลัก



9.บีเอ็มเอ็กซ์(bmx)
   จักรยาน bmx ได้รับความนิยมมากเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นก่อนจะมี
ฟิกเกียร์เข้ามาแทนที่ ลักษณะจักรยาน เฟรม จุดเชื่อม ออกแบบมาให้ทนมือทนเท้ามาก แฮนด์ยกสูง ล้อ 20 นิ้ว

   - สาย racing ก็แบบในรูปประกอบ จานจะใหญ่ ไม่ใส่โรเตอร์



   - สาย street & flatlandจักรยานสำหรับเอาไว้เล่นท่าโดยเฉพาะ  และมีอุปกรณ์พิเศษเฉพาะ bmx ประเภทนี้
คือ โรเตอร์(เอาไว้ให้แฮนด์หมุนได้ 360 องศา), ที่พักเท้าบริเวณดุมล้อขนาดใหญ่



10.เอกเขนก(recumbent bike)
   ขอ copy มานะครับเพราะไม่มีความรู้กับจักรยานประเภทนี้ thbike
   จักรยานประเภทนี้จะถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขี่มีความสะดวกสบายมากที่สุด คือ ผู้ขี่นั้นแทบจะนอนขี่เลยละครับ
ภาษาชาวบ้านพูดกันเล่นๆ ก็ทำนองว่า "นอนมา" ละครับ จักรยานประเภทนี้ จะได้เปรียบกว่าจักรยานประเภทอื่นๆ
ทางด้าน ความลู่ลม เพราะผู้ขี่นั้นแทบจะนอนอยู่แล้วจึงทำให้มีส่วนที่ประทะกับลมน้อยกว่าจักรยานประเภทอื่นครับ
ทางด้านอุปกรณ์นั้นจักรยานประเภทนี้ จะมีจุดติดตั้งอะไหล่ต่างๆ แตกต่างจากจักรยานประเภทอื่นมากครับ ยกตัวอย่าง
เช่น จานหน้า ก็จะอยู่หน้าจริง"อย่างนี้ซิถึงเรียกว่าจานหน้าของจริง"



11.ไซโครครอส(cyclocross)
   จักรยานไซโครครอสจะมีลักษณะคล้ายกับจักรยานทัวริ่งแต่ต่างกันที่ยางจะเป็นลักษณะวิบาก
เอาไว้ปั่นทางเรียบทางดินที่ไม่ขรุขระมาก



12.time trial
   จักรยานสำหรับทำเวลาการออกแบบจะคล้ายกับเสือหมอบแต่จะแตกต่างกันที่การออกแบบเฟรม
โดยออกแบบให้มีแรงเสียดทานกับอากาศให้น้อยที่สุด(aero dynamic) ล้อหลังจะออกแบบให้ขยับเข้ามาในเฟรม
แฮนด์จะมีแอโร่บาร์(aero bar) สำหรับการหมอบให้คนโดนลมน้อยที่สุด



13.นอนคว่ำ(Prone)
   จักรยานแบบนอนคว่ำขี่ แต่ไม่เป็นที่นิยมสักเท่าไหร่ เพราะนอนหงายปั่นสะบายกว่าเยอะ



14.สองเหรียญ(Penny-farthing)
   จักรยานโบราณการออกแบบเหมือนกับเหรียญ 2 เหรียญโดยล้อหน้าจะใหญ่ล้อหลังเล็ก บันไดสำหรับปั่นจะหมุนตาม
ดุมล้อหน้า ข้อเสียของจักรยานประเภทนี้คือความปลอดภัย ความสะดวกเวลาจะปั่น เวลาจะจอด



15.เรียงแถว(Tandem)
   จักรยานสำหรับปั่น 2 คนขึ้นไปในคันเดียว จะพบเห็นบ่อยตามชายหาดและแหล่งท่องเที่ยว จากที่ได้ออกทริปมา
จักรยานประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็น คู่ชาย-หญิง เปิดเพลงฟังน่ารักๆ และความเร็ว 25 แบบปั่นสบายๆ



16.พร้อมกัน(sociable)
   จักรยานสำหรับขี่พร้อมกันในแนวนอน ดูจากรูปแล้วกันนะครับแปลกดี



17.จักรยานสเปคผู้หญิงโดยเฉพาะ(WSD = Woman's Specific Design)
   จักรยานที่ออกแบบสำหรับคุณผู้หญิง สังเกตง่ายๆ จากเฟรมที่ทำให้ขึ้นลงได้ง่ายและเบาะที่มีขนาดกว้างพิเศษเพราะ
อุ้มกระดูกเชิงกรานของผู้หญิงจะกว้างกว่าผู้ชาย  และองศาของเฟรมครับ



18.จักรยานไฟฟ้า
   จักรยานที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วย ทำให้เวลาที่ขี้เกียจ เมื่อย เหนื่อย ก็ใช้มอเตอร์หมุนล้อไปได้ครับ
ข้อเสียของจักรยานไฟฟ้าคือ มีน้ำหนักมาก เพราะต้องแบกรับอุปกรณ์ไฟฟ้าเข้ามาทั้ง มอเตอร์ แบตเตอรี่ สายไฟ



19.จักรยานใช้เครื่องยนต์
   จักรยานที่ใช้เครื่องยนต์เข้ามาช่วย ถามว่ามันต่างกับมอเตอร์ไซค์ตรงไหน ในความคิดผมคือมันแทบไม่ต่างกันเลย
แต่อุปกรณ์ทุกอย่างจะเล็กลง มีน้ำหนักเบา ไม่ต้องจดทะเบียน ข้อเสียคือ มีน้ำหนักมาก




ที่มา : http://marketire.blogspot.com/




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น